(คัดลอกจาก "มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา")
พระประวัติ | ||
การเตรียมรับพระประสูติการ | ||
เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า เจ้าจอมสุวัทนาจะมี พระประสูติการพระหน่อในอนาคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัวมีพระราชหฤทัยโสมนัสเป็นอย่างยิ่งทรงเตรียมการรับ พระประสูติการเป็นอเนกปริยายเริ่มด้วยทรงปรับปรุงพระราชนิพนธ์ ละครรำ เรื่อง พระเกียรติรถ ตอนที่ ๑ ให้เป็นละคร ดึกดำบรรพ์ เพื่อ จะได้ทรงจัดแสดงในพระราชพิธีสมโภชเดือนของพระหน่อในกาล ต่อไป ในบทละครเรื่องนี้ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทขับกล่อมพระบรรทมพระราชกุมารตาม ท้องเรื่องเสร็จเรียบร้อย เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๖๘ โดยกำหนด เพลงสำหรับขับลำ คือ ทำนองปลาทอง ความว่า | ||
“พระเอยพระหน่อนาถ งามพิลาศดังดวงมณีใส พระเสด็จจากฟ้าสุราลัย มาเพื่อให้ฝูงชนกมลปรีดิ์ ดอกเอยดอกจัมปา หอมชื่นจิตติดนาสา ยิ่งดมยิ่งพาให้ดมเอย หอมพระเดชทรงยศโอรสราช แผ่เผยผงาดในแดนไกล พึ่งเดชพระหน่อไท เป็นสุขสมใจไม่วางวาย รูปลม้ายคล้ายพระบิตุราช ผิวผุดผาดเพียงชนนีศรี ขอพระจงทรงคุณวิบุลย์ทวี เพื่อเปนที่ร่มเกล้าข้าเฝ้าเทอญ ดอกเอยดอกพุทธิชาต หอมเย็นใจใสสอาด หอมบ่มิขาดสุคนธ์เอย หอมพระคุณการุญเปนประถม เย็นเกล้าเหมือนร่มโพธิ์ทอง เหล่าข้าทูลลออง ภักดีสนองพระคุณไท” | ||
ในเดือนตุลาคม ๒๔๖๘ นั้นเอง เนื่องจากเป็นเวลาใกล้จะถึง กำหนดพระประสูติการแล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินจากพระบรมมหาราชวังไปทรงควบคุม การซ้อมละครสมโภชดังกล่าว ณ จิตรลดาสภาคารพระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ้อมวงมโหรี ก่อนเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม จนกระทั่งวันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ | ||
อนึ่ง ในวันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๘ มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเจ้าจอมสุวัทนา ขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น “พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี” เพื่อผดุงพระราชอิสริยยศแห่ง พระราชกุมาร ที่จะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า ปรากฏความ โดยละเอียดในประกาศสถาปนาพระอิสริยยศพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ว่า | ||
“ทรงพระราชดำริว่า เจ้าสุวัทนาได้รับราชการสนอง พระเดชพระคุณโดยความซื่อสัตย์กตเวทีมีความจงรักภักดี ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทเปนที่ไว้วางพระราชหฤทัยสมควร ที่จะทรงยกย่องให้เปนใหญ่เพื่อผดุงพระราชอิศริยยศแห่ง พระกุมารที่จะมีพระประสูติกาลในเบื้องหน้า | ||
อนึ่ง เจ้าจอมสุวัทนาก็เปนเชื้อสกุลที่บรรพบุรุษทั้งสอง ฝ่ายได้รับราชการมีความดีความชอบใน ราชการได้รับ พระราชทานพระมหากรุณาของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินมาหลาย ชั่วคน คือข้างฝ่ายบิดาของเจ้าจอมสุวัทนาเปนเชื้อสายของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศรซึ่งเคยได้รับราชการเป็นผู้สำเร็จ ราชการเมืองพระตะบองต่างพระเนตรพระกรรณตั้งแต่ รัชกาลแห่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีพระองค์ที่หนึ่ง มาจนเมื่อเร็วๆ นี้ ฝ่ายมารดาก็เป็นเชื้อสายสกุลลงมาจากเจ้า พระยาอัครมหาเสนาทางสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา ประยุรวงศ์ สมเด็จพระบรมมหาศรีสุริยวงศ์และเจ้าพระยา สุรวงศ์ไวยวัฒน์ นับว่าเป็นผู้มีสกุลสูงทั้งสองสาย จะทรง ยกย่องให้เจ้าจอมสุวัทนามีอิศริยยศสูงในตำแหน่งก็สมควร แล้ว | ||
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา เจ้าจอมสุวัทนาขึ้นเปนเจ้า มีพระอิศริยยศเปนพระนางเจ้า สุวัทนา พระวรราชเทวี | ||
จงทรงเจริญพระชนมายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณ สารสมบัติสรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลทุกประการ เทอญฯ” | ||
เหตุที่ทรงพระราชดำริสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาขึ้นเป็นพระนางเจ้า
สุวัทนาพระวรราชเทวีนั้น เนื่องมาจากธรรมเนียมราชตระกูลใน กรุงสยามที่มีแบบแผนว่าหากเป็นพระหน่อของพระมหากษัตริย์ ย่อมดำรงพระอิสริยยศ “สมเด็จเจ้าฟ้า”แต่ถ้าหากเป็นพระหน่อ ประสูติแต่พระมารดาที่เป็นสามัญชนแล้ว ย่อมดำรงพระอิสริยยศ เป็นแต่เพียง “พระองค์เจ้า” เท่านั้น ในกรณีนี้ ย่อมแสดงถึง พระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยชัดแจ้งว่าทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้พระหน่อที่จะมี พระประสูติการในเวลาอันใกล้ ดำรงพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จเจ้าฟ้า” ตามโบราณราชประเพณี | ||
พระประสูติการ | ||
ในเวลาที่จะมีพระประสูติการนั้น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีเริ่ม ประชวรพระครรภ์ในเวลา ๒๐.๐๐ น. ของ วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ | ||
จนกระทั่งวันอังคารที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เวลาเช้า คณะ สักขีซึ่งมีเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง และเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) ผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก ประชุมปรึกษากันเห็นพ้องว่าหากเวลาเที่ยงวันแล้วยังไม่มีพระประสูติการ ก็จะให้แพทย์ใช้เครื่องมือถวายพระประสูติการจวบจนเวลา ๑๒.๐๐ น. แพทย์ได้เตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้วพระวรสุนทโรสถ (เพี้ยน สิงหชัย) ใช้เครื่องมือถวายพระประสูติการโดยมีหลวงเชิดบูรณศิริ (เชิด บูรณศิริ) และหลวงไวทเยศรางกูร (เชื้อ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เป็นผู้ช่วย | ||
ครั้น ณ เวลา ๑๒.๕๒ น. พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี มี พระประสูติการพระราชธิดา ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่มหา มนเทียร ขณะนั้น ชาวประโคม ประโคมสังข์ แตร ปี่พาทย์ ตาม ราชประเพณีต่อมาในเวลาบ่าย เจ้าพระยารามราฆพได้เข้าเฝ้าทูล ละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในขณะนั้นกำลังอยู่ในพระอาการประชวรที่ค่อนข้างวิกฤต เพื่อ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี มี พระประสูติการ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ” เมื่อความทราบฝ่าละออง ธุลีพระบาทแล้ว มีพระราชดำรัสว่า “ก็ดีเหมือนกัน” | ||
รุ่งขึ้นวันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เวลากลางวัน คณะแพทย์
ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กราบ บังคมทูลพระกรุณาว่ามีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระ ราชธิดาหรือไม่ แต่ในขณะนั้นพระอาการประชวรหนักเกินกว่าจะมี พระราชดำรัสตอบได้จึ่งได้แต่ทรงพยักพระพักตร์แสดงพระราช ประสงค์ เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ จึงเชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ซึ่งบรรทมบนพระยี่ภู่ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระวิมาน ในพระที่นั่งจักรพรรดิมาน เมื่อถึงที่เฝ้าแล้ว เจ้าพระยารามราฆพ เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จากเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ไปเฝ้า ทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถบนพระแท่น เมื่อทอดพระเนตรแล้ว ทรงพยายามจะยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัส พระราชธิดาแต่ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยก พระหัตถ์ได้เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ของพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นสัมผัสพระราชธิดาเมื่อจะเชิญเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอกลับก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์ จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้งจึงเชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นคำรบที่สอง แล้วเชิญเสด็จสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอกลับออกจากที่เฝ้า | ||
จากนั้น พระอาการประชวรก็ทรุดหนักลงจนพระวิสัญญี จวบจน คืนวันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เวลา ๑.๕๕ น. ซึ่งนับเป็นวัน พฤหัสบดีที่ ๒๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ สวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานในหมู่พระมหามนเทียร พระบรมมหาราชวัง อ่านต่อ... |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น